โรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “โรครำมะนาด” มีความรุนแรงมากกว่าโรคเหงือกอักเสบ คือ ภาวะที่มีการอักเสบของอวัยวะที่เกิดจากคราบแบคทีเรีย เกาะบริเวณเหงือกและฟัน หากไม่มีการทำความสะอาดกำจัดออกไป อย่างถูกวิธี (การแปรงฟัน, การใช้ไหมขัดฟัน, ขูดหินปูน) เนื้อเยื่อที่รองรับฟันให้ติดกับกระดูกขากรรไกรและกระดูกเบ้าฟัน จะถูกทำลายไปอย่างช้าๆ จนต้องสูญเสียฟันไปในที่สุด
สาเหตุหลัก คือ คราบจุลินทรีย์ที่มากับอาหารที่เราทานและน้ำลาย เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้จะสร้างสารพิษมาย่อยสารเคลือบฟัน เหงือกและกระดูกเบ้าฟัน นอกจากนี้ยังมีสาเหตุรองที่ทำให้โรคลุกลามมากขึ้น เช่น โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ การตั้งครรภ์ เป็นต้น
โรคปริทันต์อักเสบในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการใดๆ เมื่อเป็นมากขึ้นอาการที่เริ่มแสดงออก คือ เวลาแปรงฟัน หรือตอนใช้ไหมขัดฟัน จะมีเลือดออกตามไรฟันซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา อาการที่จะพบต่อมา คือ
1. มีกลิ่นปาก
2. เหงือกบวม มีสีแดงจัด, ปวดและเจ็บบริเวณเหงือก
3. เหงือกเริ่มแยกตัวออกจากฟัน จะรู้สึกว่าฟันยาวขึ้นเนื่องจากเหงือกร่น
4. ฟันเริ่มโยกเพราะมีการละลายของกระดูกที่รองรับฟัน
5. เหงือกเป็นหนอง
อาการที่เกิดจากโรคเหงือกอาจสังเกตได้ยาก เพราะบางครั้งคนไข้อาจไม่มีอาการปวดหรือระคายเคืองบริเวณเหงือก ดังนั้น การเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจช่องปากเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ จะทำให้ตรวจพบความผิดปกติของเหงือกและทำการรักษาตั้งแต่ระยะแรก และช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาฟันให้กลับมาเป็นปกติ
เพราะโรคเหงือกเป็นโรคที่มีการพัฒนาความรุนแรงเป็นระยะ หากไม่รีบรักษา และปล่อยจนถึงระยะสุดท้ายอาจต้องสูญเสียฟันไปในที่สุด